ห้าม คลุมดำ

ตำนานผาชู้

ดอยผาชู้ เป็นโขดหิน และหน้าผาขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางขุนเขาที่เขียวขจีหลายแสนไร่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ และสายน้ำของแม่น้ำน่าทอดตัวไหลคดเคี้ยวสู่ทิศใต้ยาวหลายสิบกิโล ยามหน้าหนาวจะมีทะเลหมอกสีขาวตัดกับความเขียวขจีของป่า และแสงสีทองของดวงอาทิตย์ขึ้นงามเช้าอย่างสวยงามมาก และเป็นสถานที่เกิดตำนานรักสามเส้าที่ตัดสินความรักด้วยความตาย โดยมีตำนานเล่าว่า”ณ ที่แห่งนี้เมื่อหลายปีที่ผ่านมามีตำนานเล่าขานสืบทอดกันว่า ที่แขวงศรีษะเกษมีเจ้าแขวงเป็นชายรูปงามนามว่า “เจ้าจ๋วง” ได้เสกสมรสกับ “เจ้าจันทร์” เป็นชายา ครองรักกันมาหลายขวบปียังไม่มีบุตร – ธิดาแต่อย่างใดอยู่มาวันหนึ่ง เจ้าจ๋วงได้ออกประพาสป่าเพื่อล่าสัตว์ ขณะตามล่าสัตว์ป่าได้หลงทางมาถึงบริเวณโขดหินสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางแมกไม้ที่เขียวขจีมีสภาพสมบูรณ์ มีทัศนียภาพที่สวยงามยิ่งได้พบกับกระท่อมของพรานป่าซึ่งมีธิดาสาวสวยนาม “เจ้าเอื้อง” อาศัยอยู่ด้วยกันสองพ่อลูกพอเจ้าจ๋วงได้พบประสบพักตร์เจ้าเอื้องทำให้เกิดความหลงใหล หลงรักอย่างทอนตัวไม่ขึ้นจึงได้เฝ้าเพียงพยายามบอกรักเจ้าเอื้องอยู่เป็นเวลานาน




กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ซึ่งความรักเปรียบเสมือน “น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน” ในที่สุดเจ้าจ๋วงก็ได้ครองรักกับเจ้าเอื้องเป็นชายาอีกนางหนึ่ง เจ้าจันทร์เมื่อเห็นว่านางจ๋วงได้ประพาสป่า และไม่กับแขวงเป็นเวลานานจึงได้ติดตามเสาะหาอยู่หลายวัน จนกระทั่งวันหนึ่งได้ตามมาพบเจ้าจ๋วงกำลังพรอดรักกับเจ้าเอื้องอยู่บนยอดโขดหินใหญ่ จึงได้ตัดพ้อต่อว่า และยื่นคำขาดให้เจ้าจ๋วงเลือกเอาว่าจะตัดสินใจครองรักอยู่กับใคร แต่เพียงนางเดียวเจ้าจ๋วงได้ใช้ความคิดอยู่เป็นเวลานาน ก็ไม่สามารถที่จะตัดสินใจเลือกใครคนใดคนหนึ่งได้ จึงอธิษฐานว่า….



”ถ้าความรักของเราทั้งสามคนเป็นความรักที่บริสุทธ์เป็นรักแท้ตราบเท่านิจนิรันดร์ ขอให้ร่างกายเรากลับกลายเป็นต้นไม้อยู่คุ่กับโขดหินใหญ่แห่งนี้ตลอดกาลนาน” ได้ตัดสินใจกระโดดหน้าผา เจ้าจันทร์เห็นดังนั้นจึงได้กระโดดหน้าผาตามไป ส่วนเจ้าเอื้องได้ทราบ และเกรงกลัวต่อบาปกรรมจึงได้กระโดดหน้าผาตามไปอีกคน ทำให้เสียชีวิตทั้งสามคนด้วยด้วยอำนาจคำอธิษฐานอันแรงกล้า “เจ้าจ๋วง” ได้กลายร่างเป็นต้นจ๋วง “เจ้าจันทร์” ได้กลายร่างเป็นต้นจันทร์ผา “เจ้าเอื้อง” ได้กลายร่างเป็นต้นกล้วยไม้ หรือดอกเอื้องขึ้นอยู่ตามหน้าผาแห่งนี้โขดหินใหญ่แห่งนี้จึงถูกเรียกขานนามว่า “ผาชู้” มาแต่บัดนั้น….

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น