เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ ป้องการหลงทางครับ ขอเอามาทบทวนกันหน่อยนะครับ
กาลามสูตร
สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จไปเยือนนิคมแห่งหนึ่ง เรียกชื่อว่า เกสปุตตะ ในแคว้นโกศล ชาวนิคมนี้เป็นที่รู้จัก
กันโดยชื่อสามัญว่า กาลามะ เมื่อได้สดับว่า พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในนิคมของตน ชาวกาลามะทั้งหลายจึงได้
ไปเฝ้าพระองค์แล้วกราบทูลว่า
" ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มีสมณะและพราหมณ์บางพวก ที่มาเยี่ยมเยียนเกสปุตตนิคม สมณะพราหมณ์เหล่านั้น
อธิบายและยกย่อง คำสอนของตนเองฝ่ายเดียวเท่านั้น และดูถูกประณาม เหยียดหยาม หลักธรรมของบุคคล
เหล่าอื่น ต่อมาก็มีสมณะพราหมณ์เหล่าอื่นมาอีก สมณะพราหมณ์เหล่านั้นก็เช่นเดียวกัน ต่างอธิบายและเชิดชู
แต่คำสอนของตนฝ่ายเดียว และดูถูกประณามเหยียดหยามคำสอนของบุคคลเหล่าอื่น
" ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์ทั้งหลาย มีความสงสัยและคลางแคลงใจอยู่เสมอว่า ในบรรดาสมณะ
พราหมณ์ผู้น่าเคารพเหล่านี้ ใครกันหนอกล่าว คำสัตย์จริง และพวกไหนกล่าวเท็จ "
ลำดับนั้น พระพุทธองค์ได้ทรงประทานคำวินิจฉัยที่ยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์ศาสนาทั้งหลาย แก่ชาวกาลามะ
ว่า " ถูกแล้วชาวกาลามะทั้งหลาย เป็นการสมควรที่เธอทั้งหลาย มีความสงสัย มีความคลางแคลงใจ เพราะความ
สงสัยดังกล่าวเกิดขึ้นในสิ่งที่น่าสงสัย ดูกรชาวกาลามะ บัดนี้พวกท่านจงพิจารณาดังนี้ คือ
อย่าเชื่อโดยการบอกเล่า
อย่าเชื่อโดยการนำสืบๆกันมา
อย่าเชื่อโดยการเล่าลือ
อย่าเชื่อโดยการอ้างคัมภีร์
อย่าเชื่อโดยการยึดหลักตรรกศาสตร์
อย่าเชื่อโดยการพิจารณาอาการภายนอก
อย่าเชื่อตามความชอบใจคาดเดาของตน
อย่าเชื่อโดยเห็นว่าน่าจะเป็นไปได้
อย่าเชื่อโดยคิดว่าผู้นี้เป็นครูของเรา
"ดูกร กาลามชนทั้งหลาย เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ประจักษ์ด้วยตนเองว่า ธรรมทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นอกุศล
ผิดพลาด ชั่วร้าย เมื่อนั้นท่านทั้งหลาย จงละทิ้งธรรมเหล่านั้นเสีย ธรรมทั้งหลายเหล่าใดเป็นกุศล ดีงาม เมื่อนั้น
จงยอมรับเอาธรรมเหล่านั้น ประพฤติปฏิบัติตามธรรมเหล่านั้นเถิด "
หนังสืออ้างอิง - Walpola sri Rahula , พระพุทธเจ้าสั่งสอนอะไร, ชูศักดิ์ ทิพย์เกษรและคณะ แปล, กรุงเทพ ฯ, มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๒ .
ที่มา : เว็บวัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น